ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จบรอบลีกเฟสเป็นที่เรียบร้อย

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024-2025 ได้สิ้นสุดรอบลีกเฟสเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันใหม่ที่เพิ่มจำนวนทีมจาก 32 เป็น 36 ทีม แต่ละทีมลงแข่งขันทั้งหมด 8 นัด แบ่งเป็นเกมเหย้า 4 นัด และเกมเยือน 4 นัด หลังจากจบรอบนี้ ทีมที่อยู่ในอันดับ 1-8 จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ส่วนทีมที่อยู่ในอันดับ 9-24 จะต้องไปแข่งขันในรอบเพลย์ออฟเพื่อชิงสิทธิ์เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ยูฟ่าเฟิร์ม UCL, ยูโรป้า รอบ 16 ทีมเตะสนามเจ้าบ้านตามเดิม

ทีมที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ (อันดับ 1-8)

  1. ลิเวอร์พูล
  2. บาร์เซโลนา
  3. อาร์เซนอล
  4. อินเตอร์ มิลาน
  5. แอตเลติโก มาดริด
  6. ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
  7. ลีลล์
  8. แอสตัน วิลลา

ทีมที่ต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟ (อันดับ 9-24)

  1. อตาลันต้า
  2. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
  3. เรอัล มาดริด
  4. บาเยิร์น มิวนิค
  5. เอซี มิลาน
  6. พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
  7. ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง
  8. เบนฟิก้า
  9. โมนาโก
  10. แบรสต์
  11. เฟเยนูร์ด
  12. ยูเวนตุส
  13. เซลติก
  14. แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  15. สปอร์ติ้ง ลิสบอน
  16. คลับ บรูช

สำหรับทีมที่อยู่ในอันดับ 25-36 จะต้องยุติเส้นทางในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ และการจับสลากรอบเพลย์ออฟจะมีขึ้นในวันที่ 31 มกราคม 2568 เพื่อกำหนดคู่แข่งขันในการชิงสิทธิ์เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย 

การแข่งขันในฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้นและความตื่นเต้น ทีมชั้นนำหลายทีมต้องเผชิญกับความท้าทายในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แฟนบอลทั่วโลกต่างรอคอยชมการแข่งขันในรอบเพลย์ออฟและรอบน็อกเอาต์ที่จะมาถึง

ทีมที่ตกรอบจะได้ไปเล่นถ้วยยูโรป้าลีกหรือไม่?

ในรูปแบบการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024-2025 ทีมที่ตกรอบคือ ทีมที่จบอันดับ 25-36 ตกรอบและไม่มีสิทธิ์ไปเล่นในถ้วยยูโรป้าลีก เข้าใจง่ายๆ เลยจะหมดสิทธิ์แข่งขันในฟุตบอลยุโรปทุกรายการ แตกต่างจากระบบเดิมที่ทีมอันดับ 3 ของรอบแบ่งกลุ่ม UCL จะได้ไปเล่นรอบน็อกเอาต์ของ ยูโรป้าลีก แต่ในรูปแบบใหม่ ทีมที่จบอันดับ 25-36 จะไม่มีโอกาสเล่นถ้วยยุโรปอีกต่อไป และต้องรอแข่งขันใหม่ในฤดูกาลถัดไป ระบบนี้ทำให้การแข่งขันในรอบลีกเฟสของแชมเปียนส์ลีกมีความเข้มข้นขึ้น เพราะแม้แต่ทีมใหญ่ๆ อาจหลุดไปอันดับ 25-36 ก็จะหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์ยุโรปไปเลย!

มาถึงตรงนี้สรุปรูปแบบการแข่งขันใหม่นี้ ดีหรือไม่อย่างไร?

สรุปข้อดี-ข้อเสียของรูปแบบใหม่ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024-2025 ที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากระบบ แบ่งกลุ่ม เป็นระบบ ลีกเฟส (League Phase) ที่ให้ทุกทีมมาแข่งขันในตารางเดียวกันแบบลีกแทน ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่น่าสนใจ ดังนี้

ข้อดีของรูปแบบใหม่

1️ จำนวนแมตช์มากขึ้น = รายได้มากขึ้น

  • เดิมทีรอบแบ่งกลุ่มมี 6 นัด (เหย้า 3 นัด เยือน 3 นัด) แต่รูปแบบใหม่นี้เพิ่มเป็น 8 นัด (เหย้า 4 นัด เยือน 4 นัด)
  • ส่งผลให้แต่ละทีมได้แข่งขันมากขึ้น และสโมสรได้รับรายได้จากค่าลิขสิทธิ์และบัตรเข้าชมมากขึ้น
  • แฟนบอลมีโอกาสดูเกมระดับสูงมากขึ้น

2️ การแข่งขันดุเดือดขึ้นตั้งแต่แรก

  • ทุกทีมแข่งในลีกเดียวกัน ทำให้แมตช์ในช่วงแรกมีความหมายมากกว่าเดิม เพราะทุกคะแนนสำคัญต่อการเข้ารอบ
  • ไม่มี “กลุ่มง่าย” หรือ “กลุ่มแห่งความตาย” อีกต่อไป ทีมใหญ่ไม่สามารถพึ่งพาโปรแกรมเบาๆ ในรอบแบ่งกลุ่มได้แล้ว

3️ ทีมอันดับ 9-24 ยังมีโอกาสเข้ารอบจากเพลย์ออฟ

  • ปกติอันดับ 3 ของรอบแบ่งกลุ่มต้องตกไปเล่น ยูโรป้าลีก แต่ในระบบใหม่นี้ ทีมที่จบ อันดับ 9-24 ยังมีโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจากการเล่นเพลย์ออฟ
  • ทำให้การลุ้นตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์มีความเข้มข้นยิ่งขึ้น

4️ โอกาสของทีมเล็กมีมากขึ้น

  • แต่เดิมทีมเล็กมักเจอกับกลุ่มแข็งและแทบไม่มีโอกาสเข้ารอบ แต่รูปแบบใหม่นี้ทำให้พวกเขามีโอกาสได้เจอทีมระดับใกล้เคียงกันมากขึ้นและเก็บคะแนนเพื่อเข้าเพลย์ออฟ

ข้อเสียของรูปแบบใหม่

1️ โปรแกรมการแข่งขันแน่นขึ้น เสี่ยงอาการบาดเจ็บ

  • จากเดิมที่รอบแบ่งกลุ่มมี 6 นัด ตอนนี้เป็น 8 นัด และหากต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟ อาจต้องแข่งถึง 10 นัดก่อนเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
  • ส่งผลให้ นักเตะต้องเล่นเกมยุโรปมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการล้าและอาการบาดเจ็บมากขึ้น โดยเฉพาะนักเตะที่ต้องเล่นทั้ง บอลลีก+บอลยุโรป+ทีมชาติ

2️ แฟนบอลสับสนกับระบบใหม่

  • เดิมทีการแบ่งกลุ่มแบบ 4 ทีมต่อกลุ่มเป็นระบบที่เข้าใจง่าย (2 ทีมบนเข้ารอบ, อันดับ 3 ไปยูโรป้าลีก)
  • ระบบใหม่ใช้ อันดับ 1-8 เข้ารอบโดยอัตโนมัติ และอันดับ 9-24 ไปเพลย์ออฟ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ
ไม่เหมือนเดิม! "ยูฟ่า" อธิบายวิธีจับสลาก "ยูฟ่า ชปล." หลังเปลี่ยน

3️ ไม่มีโอกาสไปเล่นถ้วยยูโรป้าลีกสำหรับทีมที่ตกรอบ

  • ทีมอันดับ 25-36 จะตกรอบและ หมดสิทธิ์เล่นถ้วยยุโรป ทันที
  • แตกต่างจากระบบเดิมที่อันดับ 3 ของรอบแบ่งกลุ่มยังได้ไปยูโรป้าลีก ซึ่งช่วยให้ทีมใหญ่ที่พลาดใน UCL ยังมีลุ้นแชมป์ยุโรปถ้วยรอง

4️ ทีมเล็กอาจเจอทีมใหญ่เกินไป

  • ถึงแม้จะมีโอกาสมากขึ้น แต่ทีมเล็กอาจต้องเจอทีมใหญ่ติดต่อกันมากขึ้น ซึ่งทำให้พวกเขายังต้องดิ้นรนอย่างหนัก
  • บางแมตช์อาจขาดความสูสีเพราะช่องว่างของคุณภาพทีมยังสูง

สรุปแล้ว รูปแบบใหม่นี้ “ดี” หรือ “ไม่ดี”?

ดีสำหรับ…

  • แฟนบอลที่อยากเห็นเกมคุณภาพสูงตั้งแต่ต้น – ไม่มีแมตช์ที่ไม่มีความหมาย ทุกทีมต้องจริงจังตั้งแต่เกมแรก
  • สโมสรใหญ่ – ได้รายได้มากขึ้นจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
  • ทีมระดับกลาง-เล็ก – มีโอกาสลุ้นเข้ารอบเพลย์ออฟมากขึ้น

ไม่ดีสำหรับ…

  • นักเตะและโค้ช – โปรแกรมถี่ขึ้น ความล้าสะสมเพิ่มขึ้น
  • แฟนบอลที่ชอบระบบเดิม – อาจรู้สึกสับสนกับกติกาใหม่
  • ทีมที่จบอันดับ 25-36 – หมดสิทธิ์ไปเล่นยูโรป้าลีกข้อสรุป รูปแบบใหม่ของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่โดยรวมแล้วทำให้การแข่งขันเข้มข้นขึ้นและช่วยให้แฟนบอลได้ดูเกมที่น่าสนใจมากขึ้นตั้งแต่รอบแรก อย่างไรก็ตาม โปรแกรมการแข่งขันที่หนักขึ้นอาจเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องจับตามอง แล้วคุณคิดว่ารูปแบบใหม่นี้ดีขึ้นหรือไม่? หรือชอบระบบเดิมมากกว่า?