เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2025 สโมสรเอฟเวอร์ตันได้ประกาศปลด ฌอน ไดช์ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังจากที่ทีมทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยอยู่ในอันดับที่ 16 ของพรีเมียร์ลีกและมีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียง 1 คะแนน การปลด ฌอน ไดช์ เกิดขึ้นก่อนการแข่งขันเอฟเอคัพรอบสาม ที่เอฟเวอร์ตันจะพบกับปีเตอร์โบโร่ ยูไนเต็ด เพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยสโมสรได้มอบหมายให้ เลห์ตัน เบนส์ หัวหน้าโค้ชทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี และ เชมัส โคลแมน กัปตันทีมทำหน้าที่คุมทีมชุดใหญ่ชั่วคราว
เดวิด มอยส์ รับตำแหน่งผู้จัดการทีม
สำหรับผู้จัดการทีมคนใหม่หวยไปออกที่ เดวิด มอยส์ คนคุ้นเคยตามที่สื่อหลายแห่งคาดการณ์ โดยมีรายงานว่า มอยส์ อดีตกุนซือของท็อฟฟี่สีน้ำเงินจะเข้ามารับตำแหน่งนี้ และล่าสุดมีข่าวจากเว็บไซต์สโมสรเอฟเวอร์ตันได้ประกาศแต่งตั้ง เดวิด มอยส์ วัย 61 ปี เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมอยส์ได้เซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 2 ปีครึ่งหรือจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2027 การกลับมาครั้งนี้ของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่สโมสรได้ปลด ฌอน ไดช์ ออกจากตำแหน่เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2025

ความคาดหวังและการกลับมาของมอยส์
ผลงานของทีมเอฟเวอร์ตันในฤดูกาล 2024-2025 เป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญสำหรับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ หลังจากที่ฤดูกาลก่อนหน้า (2023-2024) พวกเขาสามารถรอดพ้นจากการตกชั้นได้อย่างหวุดหวิด ความคาดหวังของแฟนบอลและผู้บริหารในฤดูกาลนี้คือ การสร้างความมั่นคงในพรีเมียร์ลีกและพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้น
การแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่แต่หน้าเก่าเข้ามาทำงานในครึ่งท้ายฤดูกาลนี้ เอฟเวอร์ตันยังคงให้ความไว้วางใจกับอดีตกุนซืออย่าง เดวิด มอยส์ เพราะมีประสบการณ์และเข้าใจถึงความต้องการของทีมดี และการกลับมาของมอยส์ในตำแหน่งผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากบรรดาแฟนบอล โดยพวกเขาแสดงความยินดีและมองว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุดของสโมสร
ความหวังแฟนบอลและการเสริมทัพเพื่ออนาคตเอฟเวอร์ตัน
แฟนบอลบางส่วนเชื่อว่าประสบการณ์และความคุ้นเคยของมอยส์กับสโมสร จะช่วยนำทีมผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้ อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเกี่ยวกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะในเรื่องของการเสริมทัพและการปรับปรุงฟอร์มการเล่นของทีม โดยรวมแล้วแฟนบอลเอฟเวอร์ตันส่วนใหญ่แสดงความหวังและสนับสนุนการกลับมาของเดวิด มอยส์ และเชื่อว่าเขาจะสามารถนำทีมกลับสู่เส้นทางที่ดีขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ทีมได้เสริมทัพด้วยผู้เล่นใหม่ในตำแหน่งสำคัญ รวมถึงการดึงนักเตะดาวรุ่งที่มีศักยภาพสูงมาเสริมทีม เช่น การเซ็นสัญญากองหน้าที่มีชื่อเสียงในลีกยุโรป และผู้เล่นแนวรับที่สามารถยกระดับคุณภาพเกมรับได้
เรื่องความคืบหน้าของสนามเหย้าแห่งใหม่
อีกหนึ่งในข่าวสำคัญที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลเอฟเวอร์ตันคือ การก่อสร้างสนามใหม่ “Bramley-Moore Dock Stadium” สนามแห่งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับสโมสรทั้งในด้านธุรกิจและภาพลักษณ์ ทีมได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2021 และในปัจจุบัน (ต้นปี 2025) การก่อสร้างได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย
สนามแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมอร์ซีย์ และมีความจุประมาณ 52,888 ที่นั่ง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยที่ออกแบบมาเพื่อประสบการณ์ของแฟนบอลโดยเฉพาะ นอกจากนี้ สนามยังมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางธุรกิจและการแสดงต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับสโมสรในระยะยาว

วันเปิดใช้งานสนามใหม่
ตามกำหนดการล่าสุด เอฟเวอร์ตันตั้งเป้าที่จะเปิดใช้งานสนามแห่งใหม่ในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งหมายความว่าแฟนบอลจะยังคงได้ชมการแข่งขันที่ Goodison Park ไปก่อนในช่วงฤดูกาล 2024-2025 นับเป็นการบอกลาสนามอันเก่าแก่ที่มีความทรงจำมากมายก่อนย้ายสู่ยุคใหม่ในสนามแห่งอนาคต
บทสรุป
ฤดูกาล 2024-2025 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับเอฟเวอร์ตันอีกปี ทั้งในด้านผลงานในสนามและการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างสโมสร และสนามใหม่ที่กำลังจะเปิดใช้งานก็แสดงถึงความมุ่งมั่นของทีมที่จะยกระดับสู่การเป็นสโมสรชั้นนำในอังกฤษและยุโรป แต่ในขณะเดียวกันผลงานของทีมในฤดูกาลนี้ไม่ค่อยคงที่ค่อนไปทางย่ำแย่ ต้องลุ้นหนีตกชั้นตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลแรกถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ทั้งๆ ที่สโมสรได้พยายามสะท้อนถึงศักยภาพและความพยายามที่จะสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับสโมสรแห่งนี้ เหล่าบรรดากองเชียร์ก็ต้องเอาใจช่วยให้ทีมรักผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้กันต่อไปให้ได้