ต้องยอมรับหัวใจนักสู้จริง ๆ หรับผู้จัดการทีมอย่าง เจอร์เก้น คล็อป ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล สายเลือด เยอรมัน ที่ต้องเฝ้ารอความสำเร็จ ในการคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ที่ยิ่งใหญ่ หลังจากที่เป็นพระรอง ได้แต่เป็นรองแชมป์ มาถึง 6 ครั้ง ตั้งแต่สมัยที่คุมทีมเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอทมุนด์ จนย้ายมาคุมทีมลิเวอร์พูล ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ทีม ลิเวอร์พูลประสพความสำเร็จอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง แต่ต้องยอมรับในผลงาน ของการทำทีมลิเวอร์พูล ของผู้จัดการทีมคนนี้ ลิเวอร์พุลกลายเป็นทีมที่แพ้ยากทีมหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก โดยเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก และยังสามารถ ทำแต้มได้ถึง 97 คะแนน แต่แชมป์พรีเมียร์ลีกกลับกลายไปเป็นของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่า โดยทำได้ถึง 98 คะแนน เฉือนไปเพียงแต้มเดียว คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ไปครอง แต่ความมุ่งมั่นในถ้วยใบสุดท้ายของฤดูกาล ในการชิงแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก เป็นการเข้าชิงกับทีมในเกาะอังกฤษด้วยกันกับทีม ทอตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ทีมที่ไม่มีการเสริมทัพซื้อตัวผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ มาเสริมทีมเลย แต่สามารถที่ฝ่าฟันทีมชั้นนำต่างๆ เข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่แล้วก็เป็นทีมลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเอาชนะ ทีมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปด้วยสกอร์ 2-0 คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ สิ้นสุดการรอคอย ของเหล่าเดอะค็อป ที่เฝ้ารอถ้วยแชมป์มาหลายปีและเป็นการทำลายอาถรรพ์พระรอง ของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เป็นรองแชมป์มาถึง 6 ครั้งเช่นเดียวกัน ความสำเร็จในครั้งนี้ เครดิตส่วนหนึ่งต้องยกให้ ผู้จัดการทีมคนนี้จริง ๆ ที่มองเห็นจุดอ่อน จุดแข็งของทีม วางแท็คติก สลับตัวผู้เล่นที่เข้ามาทดแทน ยามที่นักเตะคนสำคัญ ๆ ได้รับบาดเจ็บ บางคนอาจจะมองว่า เป็นการลงทุนซื้อตัวผู้เล่นที่เยอะเกินไป แต่หลังจากที่ประสพความสำเร็จในการคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริง เพราะเงินรางวัลที่ได้รับ รวมไปถึงส่วนแบ่งจากการถ่ายทอดสด เมื่อได้รับรู้แล้ว มันสมเหตุสมผลในการลงทุน ในสายตาของผม
#เด็กบ้านนอกบ้าบอล